Bangpakok Hospital
  • A
  • A
  • A
BPK Hotline

BPK9 จัดสัมมนาให้ความรู้ไวรัสโคโรนา

31 ม.ค. 2563



   ด้วยสถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนากำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลก รวมถึงการส่งต่อข้อมูลเท็จกันอย่างแพร่หลายในโลกสังคมออนไลน์ โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล จึงจัดสัมมนาวิชาการ “ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โรคปอดบวมอู่ฮั่น” ขึ้น เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อข้อมูล ทำความเข้าใจ และเตรียมรับมือสถานการณ์อย่างมีสติ โดย ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ราชบัณฑิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารเวชศาสตร์โรคตับ ทางเดินอาหาร และโรคไวรัส ณ ห้องประชุม ชั้น 6 โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล เมื่อวันที่ 30 ม.ค. ที่ผ่านมา
   สำหรับโรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล ได้มีนโยบายในการติดตาม เฝ้าระวัง และเตรียมพร้อมรับมือ “โรคระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019” อย่างใกล้ชิด ดังต่อไปนี้
  1. มีคณะกรรมการควบคุม และป้องกันการติดเชื้อของโรงพยาบาล
  2. ติดตามข้อมูลข่าวสารประกาศจากกระทรวงสาธารณสุขและภาครัฐ เพื่อเตรียมความพร้อมเพิ่มระดับการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา
  3. มีแนวทางปฏิบัติและระบบการคัดกรอง สำหรับแพทย์ พยาบาลและบุคลากร เพื่อเตรียมพร้อมกรณีหากมีผู้ป่วยที่มีอาการของผู้ป่วยโรคปอดอักเสบติดเชื้อโคโรนาไวรัส ตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
  4. สร้างการตระหนักรู้และแนวทางปฏิบัติแก่แพทย์ พยาบาล และบุคลากรรับทราบ
  5. มีจุดคัดกรองเบื้องต้น สำหรับผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง
  6. มีจุดบริการเจลล้างมือ และหน้ากากอนามัยสำหรับผู้ป่วยและผู้มาใช้บริการ
    ทั้งนี้ เพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโคโรนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามมาตรฐานสากลและนโยบายของภาครัฐต่อไป

 
   ด้าน ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ราชบัณฑิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารเวชศาสตร์โรคตับ ทางเดินอาหาร และโรคไวรัส ได้วิเคราะห์เหตุผล เรื่องการระบาดอย่างรวดเร็วของโรคปอดบวมอู่ฮั่น โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่าโรคนี้ระบาดได้อย่างรวดเร็วและมีผู้ป่วยจำนวนมาก รวดเร็วกว่า SARS หลายเท่า โรค SARS เริ่มเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน กว่าจะไปเริ่มระบาดจริงๆ ในเดือนกุมภาพันธ์ และระบาดมากในมีนาคม เมษายน 2003 ก็ไม่เร็วเท่าโรคปอดบวมอู่ฮั่น สาเหตุที่เชื่อว่าโรคนี้จะระบาด เกิดขึ้นได้ในประเทศไทย ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
  1. การระบาดในประเทศจีนเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การที่รู้ว่า มีผู้ป่วยปอดบวมพร้อมกัน 41 คน ในขณะนั้นการระบาดเป็นการรับช่วง จากผู้ป่วยส่งต่อกันมาถึงระดับที่ 4 หมายถึง ผู้ป่วยคนแรกไม่น่าจะมาจากตลาดขายของสด ในช่วงเวลาขณะนั้น มีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งไม่ได้สัมผัสตลาดนี้เลย
  2. ความรุนแรงของโรคนี้น้อย เมื่อเปรียบเทียบกับ SARS และ MERS อัตราตายของโรคนี้ ถ้าดูจำนวนเปอร์เซ็นต์จะมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ เชื่อว่าน่าจะน้อยกว่า 1% หรืออาจจะอยู่ที่ 1 ในพัน จากผู้ป่วยที่เป็นนอกประเทศจีน กว่า 100 คนไม่มีผู้ใดเสียชีวิตเลย เพราะการวินิจฉัยจะทำได้ดีและรวดเร็วขึ้น และยอดผู้ป่วยที่แท้จริงจะมีมากกว่าผู้ป่วยที่รายงานมาก ตัวเลขอัตราการตาย ก็จะค่อยๆลดลงเหมือนการระบาดของไข้หวัดใหญ่ ในปี 2009
  3. การนับจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิต จะเพิ่มขึ้น และเชื่อว่า อีก 1 - 2 เดือนต่อไป ก็จะไม่มีการนับแล้วเช่นเดียวกับการระบาดไข้หวัดใหญ่เมื่อ 10 ปีก่อน พอไปถึงระยะหนึ่งก็เลิกนับจำนวน
  4. เมื่อโรคมีความรุนแรงน้อย จึงมีผู้ป่วยจำนวนมากที่ไม่ได้รับการวินิจฉัย และยังแพร่กระจายโรคได้ มีการเดินทาง จึงทำให้เกิดการแพร่กระจายของโรคได้อย่างรวดเร็ว
  5. ขณะนี้ มีผู้ป่วยที่ไม่ได้ไปสัมผัสในประเทศจีน เกิดขึ้นในหลายประเทศเช่น เวียดนาม ญี่ปุ่นและเยอรมัน ดังนั้นก็จะพบได้อีกในหลายประเทศต่อไป
  6. ความรุนแรงเหมือนไข้หวัดใหญ่ การระบาดจึงเหมือนไข้หวัดใหญ่ ที่พร้อมจะกระจายข้ามทวีป และกระจายไปทั่วโลก อย่างเช่นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ซึ่งใช้เวลาไม่ถึง 6 เดือนก็กระจายไปทั่วโลก
   ข้อสำคัญคือไม่ควรตื่นตระหนก เพราะดูความรุนแรงของโรคแล้ว น่าจะอยู่ในระดับของไข้หวัดใหญ่ ไม่มีใครอยากป่วย ทุกคนจะต้องช่วยกันป้องกัน และลดการแพร่กระจายให้ช้าที่สุด เพื่อลดความสูญเสียให้น้อยที่สุด ลดการตื่นตระหนก ลดการสูญเสียทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะยังมาซึ่งความลำบากของประชาชนทุกคน หน้าที่ดังกล่าวจึงเป็นของคนทุกคนที่ต้องช่วยกัน
   “ไวรัสโคโรนาเป็นไวรัสขนาดใหญ่ที่สามารถพบได้ทั้งในคนและสัตว์ เป็นสาเหตุของโรคหวัดและทางเดินหายใจอักเสบ แต่ไวรัสโคโรนาที่กำลังระบาดในขณะนี้ หรือที่เรียกว่า โรคปอดบวมอู่ฮั่น เป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ติดต่อมาจากตลาดสดที่ขายสัตว์ที่มีชีวิต และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจอักเสบ รวมไปถึงโรคปอดบวม และโรคแทรกซ้อนต่างๆ
   โดยทั่วไปไวรัสโคโรนา จะมีระยะฟักตัวประมาณ 2 - 7 วัน และจะเฝ้าสังเกตอาการประมาณ 14 วัน ซึ่งมีลักษณะอาการที่ต้องสงสัย ดังต่อไปนี้ 1. มีไข้ ตัวร้อนสูง, 2. มีน้ำมูก ไอ เจ็บคอ และหายใจลำบาก, 3. ในกรณีที่รุนแรง จะปอดบวมและอักเสบ อาจเป็นสาเหตุให้ระบบหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตได้ ผู้ที่มีอาการจะต้องรับการวินิจฉัยโรคเพื่อตรวจหาพันธุกรรมของไวรัสทางห้องปฏิบัติการ แต่บางรายอาจไม่มีอาการ ทำให้สามารถแพร่กระจายเชื้อโรคในวงกว้างได้ และในปัจจุบันยังไม่มียาต้านและวัคซีนเพื่อป้องกันไวรัส การป้องกันที่ดีที่สุด คือ หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วย ล้างมือบ่อยๆ พักผ่อนให้เพียงพอ และรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งกล่าวแนะนำเพิ่มเติม ให้ผู้ที่ป่วยสวมใส่หน้ากากอนามัย N95 เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคทางเดินหายใจ โดยจะต้องใส่หน้ากากอนามัยให้แนบสนิท ซึ่งหน้ากากอนามัย N95 สามารถป้องกันการแพร่เชื้อได้ถึงร้อยละ 95 รวมถึงต้องหมั่นล้างมือบ่อยๆ เพื่อไม่ให้เชื้อโรคสัมผัสโดนผิวหน้าของตนเอง พร้อมเสนอแนะให้ผู้บริโภครู้เท่าทันสื่อ และรับมือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมีสติ โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่มีข่าวปลอมกระจายอยู่ในสังคมออนไลน์เป็นจำนวนมาก”


ติดตามข่าวสารของทางโรงพยาบาลได้ที่ www.bangpakokhospital.com และ www.facebook.com/BPK9HOSPITAL
สอบถามเพิ่มเติม โทร. 1745
“Heart of Care” ดูแลด้วยหัวใจ
Go to top
Copyright © 2019 Bangpakok Hospital All rights reserved.